วิชา พระธรรมนูญศาลยุติธรรม , พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ,พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 สามารถค้นหาคำพิพากษาฎีกาภายใน 1o ปี หลังสุดได้แล้วครับ จะเร่งเพิ่มวิชาต่อไปให้เสร็จตามมาเรื่อยๆครับ

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา
www.lawbooks-by-mrt.blogspot.com

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำพิพากษาฎีกาที่10589/2553


10589/2553   โจทก์ทั้งสามบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์ที่  2  และที่  3  เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและร่วมกันทำร้ายโจทก์ที่  1 เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ศีรษะแตก หน้าผากแตก  หางตาขวาแตก  จมูกแตก และฟันหัก 4 ซี่ ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 295, 297  แม้ฟ้องโจทก์ทั้งสามมีคำขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 297  แต่เมื่อฟ้องโจทก์ทั้งสามมิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่  1 ได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร  จึงลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 297  ไม่ได้  คงลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 295  เท่านั้น เมื่อความผิดแต่ละกระทงกำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ  ที่โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามฟังได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันทำร้ายโจทก์ทั้งสามนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นอันเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามและศาลอุทธรณ์ภาค 3  รับวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย  แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา  ศาลฎีกามีอำนาจยก่ขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ.มาตรา  195 วรรคสอง  ประกอบมาตรา  225  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น