วิชา พระธรรมนูญศาลยุติธรรม , พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ,พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 สามารถค้นหาคำพิพากษาฎีกาภายใน 1o ปี หลังสุดได้แล้วครับ จะเร่งเพิ่มวิชาต่อไปให้เสร็จตามมาเรื่อยๆครับ

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา
www.lawbooks-by-mrt.blogspot.com

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำพิพากษาฎีกาที่10612/2553


10612/2553 โจทก์ฟ้องจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและจำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย โดยอ้างว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายตามฟ้องเท่ากับอ้างว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง  จึงมิใช่อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยหรือเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์  ซึ่งจะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค  4 วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นที่ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่จึงชอบแล้ว
                     พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย  คงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบการณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน  จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น